สอนปลูก “กะหล่ำดาว” ในกระถาง

สอนปลูก “กะหล่ำดาว” ในกระถาง ผักจิ๋วประโยชน์แจ๋ว
กะหล่ำดาว เพิ่งเป็นผักที่นิยมทานกันเมื่อไม่นานมานี้ โดยเริ่มที่ Brussels และ Belgium ต่อมาเริ่มนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในยุโรป และมีการส่งเสริมปรับปรุงพันธุ์ในประเทศอังกฤษมาก กะหล่ำดาวมีลำต้นสูง บางสายพันธุ์มีขนาดสูงถึง 1 เมตร เมื่อต้นโตถึงระยะหนึ่งจะมีตาข้างอยู่ที่มุมใบ
และตาข้างนี้จะเจริญพัฒนาเป็นกะหล่ำปลีเล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-3 เซนติเมตร ซึ่งหัวเล็กๆ แต่ละอันนี้เรียกว่า “Sprout” แต่ละต้นจะมี Sprout จำนวนมากรอบๆ โคนต้น จึงได้ชื่อว่ากะหล่ำดาว ดังนั้นก็เปรียบเทียบได้กับแขนงของกะหล่ำปลีนั้นเอง
ขั้นตอนการปลูกกะหล่ำปลีดาวในกระถาง
1. ก่อนที่จะเริ่มปลูกเราจะต้องเตรียมดินที่จะใช้ก่อนโดย เลือกใช้ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหาร ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ผสมกับปุ๋ยละลายช้า สูตร14-14-14 ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในกระถางขนาด 12 นิ้ว แล้วรดน้ำลงไปจนดินชุ่ม
2. หยอดเมล็ดกะหล่ำดางลงไป 1 เมล็ด ต่อ 1 กระถาง หรืออาจจะหยอดเป็น 2 เมล็ด แล้วค่อยถอนต้นที่ไม่แข็งแรงออกภายหลังก็ได้ ใช้ดินกลบเมล็ดบางๆ แล้วรดน้ำเบาอีกครั้ง
3. นำกระถางไปวางในที่ได้รับแสงที่พอเพียงในการเจริญเติบโต เมื่องอกออกมา เพียงแต่ระวังในช่วงแรกอย่างเพิ่งให้ต้นอ่อนโดนแสงแดดแรงๆโดยตรง
4. การปลูกในกระถางเราจะต้องคอยดูแลให้ต้นได้รับน้ำอย่างพอเพียง เมื่อเห็นว่าดินเริ่มแห้งจะต้องคอยรดน้ำ เมื่อต้นโตขึ้นจะต้องรดน้ำบ่อยขึ้นเพราะต้นจะดูดน้ำจากดินไปใช้หมดอย่างรวดเร็วกว่าตอนที่ยังเป็นต้นเล็ก และต้องคอยใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นประจำเพื่อให้มีธาตุอาหารที่เพียงพอ
5. การเก็บเกี่ยว ควรใช้วิธีเด็ดด้วยมือแทนการใช้มีดตัด เพราะอาจจะทำให้ต้นติดเชื้อเสียหายได้ และคอยลิดใบที่อยู่ติดกับหัวกะหล่ำดาวออก จะทำให้ได้ขนาดหัวที่ใหญ่ขึ้น
Tip : ควรทำความสะอาดเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกและใส่ปุ๋ยก่อนที่จะนำมาใช้ จะช่วยลดปัญหาของโรค หรือ การติดเชื้อของต้นกะหล่ำดาวได้
การเพาะเมล็ด
กะหล่ำดาว จำนวนเมล็ด 1 กรัมมีประมาณ 350 เมล็ด ทดสอบความงอกก่อนเพาะเมล็ดก่อนเพาะเมล็ดควรแช่เมล็ดในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 25-30 นาที นำออกมาผึ่งให้แห้ง อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการงอกของเมล็ด 20-30 องศาเซลเซียส หยอดเมล็ดในถาดเพาะ วัสดุเพาะ ดินร่วน+ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอก +12-24-12
การย้ายปลูก
กะหล่ำดาว ย้ายปลูกหลังหยอดเมล็ด 15-20 วัน ระยะปลูก 30-50×75-100 เซนติเมตรขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
การดูแลรักษา
กะหล่ำดาว ในแบ่งแห่งนิยมปลิดยอด เพื่อให้เก็บเกี่ยวเร็วขนาดสม่ำเสมอผลผลิตและคุณภาพสูง โดยปลิดเมื่อต้นเจริญเต็มที่และปลีข้างล่างมีขนาด 0.5-0.75 นิ้ว ในบางแห่งจะทยอยปลิดใบล่างออก เพื่อให้ได้รับแสงแดดและช่วยในการสร้างอาหาร
การให้น้ำ
กะหล่ำดาว(BrusselsSprouts)กะหล่ำดาวเป็นพืชที่ต้องการน้ำสูง และระยะเวลาในการปลูก เก็บเกี่ยวนานเพื่อให้ปลีขนาดใหญ่ ผลผลิตและคุณภาพสูง ควรให้ความชื้นพอเพียงและสม่ำเสมอ หรือ 1-1.5 นิ้วต่ออาทิตย์ หรือ 15-20 นิ้วต่อฤดูปลูก
การเก็บเกี่ยว กะหล่ำดาว 80-100 วันหลังหยอดเมล็ด หรือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0-4.0 เซนติเมตร หัวแน่น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยเริ่มเก็บเกี่ยวจากโคนต้นหลังจากเก็บเกี่ยวและปลิดใบล่าง ต้นเจริญสูงขึ้น ทำให้มีใบและปลีเพิ่มขึ้น การเด็ดยอดให้ปลีขนาดใหญ่และสม่ำเสมอผลผลิตประมาณ 1 กิโลกรัมต่อต้นหลังเก็บเกี่ยวควรลดอุณหภูมิเฉียบพลันลงถึง 2 องศาเซลเซียส ขนส่งโดยการใส่น้ำแข็งในภาชนะบรรจุ
การบรรจุในถุงพลาสติกที่ระบายอากาศได้ จะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำในพืช เนื่องจากกะหล่ำดาวมีอัตราการหายใจสูง นอกจากนี้การละสมคาร์บอนไดออกไซด์ในภาชนะบรรจุสูงกว่า 20% ทำให้มีกลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป คุณภาพต่ำ ไม่สามารถขายได้
การเก็บรักษา
เก็บรักษา 30 วัน ในอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์90-95%อุณหภูมิสูงกว่า 10 องศาเซลเซียสปลีจะเหลืองภายในเวลา 1 อาทิตย์ การเก็บรักษานานจะทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำอัตราการเสื่อมของเนื้อเยื่อในอุณหภูมิ 4.4 องศาเซลเซียส จะสูงเป็นสองเท่าของอุณหภูมิ –1 องศาเซลเซียส
การเก็บรักษาในภาชนะบรรจุประกอบด้วย ออกซิเจน 2.5-5% และคาร์บอนไดออกไซด์ 5-7.5% เก็บรักษาในอุณหภูมิ 4.4 องศาเซลเซียส สามารถยืดอายุการเก็บรักษา 1 อาทิตย์
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ของกะหล่ำดาว
1. กะหล่ำดาวนั้นมีสารต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในลำไส้
2. มีวิตามินซีสูง จึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
3. ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ช่วยทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้น เพราะในกะหล่ำดาวนั้น มีกรดโฟลิกสูง จะช่วยเสริมวัยเจริญพันธุ์ให้แข็งแรงได้
5. ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องคลอดก่อนกำหนดได้
6. ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารได้ เพราะในกะหล่ำดาวมีสารที่ชื่อว่า s-methylmethionine
7. ช่วยทำให้ขับถ่ายได้ดี
8. ลดคอเรสเตอร์รอล และทำให้หับได้ง่ายขึ้นได้
